เฟส 902, 902 facebook เฟสที่แข็งแรงกว่าเฟสเขียวคืออะไร ?

เฟส 902, 902 facebook เฟสที่แข็งแรงกว่าเฟสเขียวคืออะไร ?

เฟส 902 คือเฟสที่มีบัญชีโฆษณาเป็นบัญชีพิเศษ ที่เกิดจากกรรมวิธีในการสร้างบัญชีแบบพิเศษ ทำให้เกิดเป็นบัญชีที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว 902 มักจะโดนนำมาเพื่อเป็นผู้ดูแลบัญชีต่างๆเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เนื่องจาก 902 เป็นบัญชีที่ผ่านการยืนยันบัตรมาแล้ว 2 ครั้ง จึงทำให้มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ

เฟส 902 Facebook เฟสที่แข็งแรงกว่าเฟสเขียว (ยาวไปเลือกอ่าน)

ประเภทของ Facebook 902

เฟส 902 มี 2 ประเภท คือ

  1. 902 Live ads คือ บัญชี 902 ที่ยังสามารถยิงแอดได้ด้วย ซึ่งวิธีดูก็คือ เข้าไปที่หน้าตัวจารการโฆษณา ถ้าหากเป็นเฟสเขียว 3 บรรทัดและยังสามารถยิงแอดได้ ถือว่านั่นเป็น 902 Live ads
  2. Die ads คือ บัญชี 902 ที่ไม่สามารถยิงแอดได้ ซึ่งวิธีการเช็คก็คือ เข้าไปที่หน้าตัวจัดการโฆษณา จะเจอเฟสเขียว 3 บรรทัด แต่ไม่สามารถยิงแอดได้แล้ว ซึ่งบัญชีประเภทนี้ จะเอาไว้ใช้สำหรับเชื่อมบัญชีเพื่อดูแลเฟสเขียวอื่นๆ โดยไม่เน้นยิงแอด

ความสามารถของ Facebook 902

โดยส่วนใหญ่แล้ว คนทั่วไปไม่แนะนำเอาเฟส 902 ไปยิงแอด แต่จะใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและเอาไว้คุมบัญชีอื่นๆ ซึ่ง 902 มีความสามารถดังนี้

  1. เอาไว้เชื่อมบัญชีอื่นๆเพื่อความแข็งแรงได้ไม่จำกัด หรือแรกว่าเป็นเขียวเอาไว้เชื่อมบัญชี (บัญชีเขียวปกติ ก็สามารถนำมาเก็บเชื่อมบัญชีขาวได้เช่นกัน แต่ความแข็งแรงไม่เท่าเขียว 902)
  2. เอาไว้แก้ไขปัญหาการโดนแบนต่างๆโดยการยื่นด้วย 902
  3. แก้ปัญหาผูกบัตร ไม่สำเร็จ

วิธีการทำ Facebook 902

เฟส902 คือเฟสเขียวที่ได้จากการยืนยันด้วย 273

แต่ไม่ใช่ทุกเฟสที่ยืนยันด้วย 273 แล้วจะเป็น 902 เพราะมันเป็นต้องเป็นบัญชี 902 มาแล้วตั้งแต่แรก และใช้ 273 เข้าไปยืนยันด้วยอีกครั้ง

และวิธีการทำบัญชีประเภท 902 นั้น มีขั้นตอนการทำที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามการปรับเปลี่ยนของเฟส วิธีจึงไม่แน่นอน

และ 902 ไม่ได้เป็นบัญชีพิเศษที่แก้ได้ทุกๆเคสกรณี 100% เพียงแต่เป็นเฟสที่สามารถนำมาประกอบการใช้งานกับบัญชีหลักได้ ใครที่อยากศึกษาและลองใช้ก็ลองศึกษากันให้ดีนะครับ

สรุป

สำหรับบัญชีที่เป็น 902 มันจะต้องเป็น 902 มาตั้งแต่แรก และเราต้องใช้บัญชีที่เป็น 273 ไปยืนยันซ้ำเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับ 902 และมันก็มีวิธีการเช็คบัญชีด้วยว่าเป็นบัญชีแบบไหน คุณอาจจะย้อนกลับไปดูช่อง YouTube ยิงแอดสายเทา By เฮียบอย ของผมก็ได้ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ ผมมีทำไว้ให้ดูแล้ว และย้ำอีกครั้งว่ามันไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ บน Facebook ได้แบบ 100% นะครับ

เทคนิคการตั้งชื่อเพจร้านค้าบน Facebook ตั้งยังไงให้คนเห็นเยอะ

เทคนิคการตั้งชื่อเพจร้านค้าบน Facebook ตั้งยังไงให้คนเห็นเยอะ

ผมว่าคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ส่วนใหญ่เมื่อสร้างเพจเฟสบุ๊คไม่ว่าจะสายขาวหรือสายเทา วัตถุประสงค์หลักๆ ก็คือการขายของถูกต้องมั้ยครับ ? แล้วจะตั้งยังไงให้คนค้นหาบน Facebook แล้วเจอเพจของเราเลยล่ะ ? เดียวบทความนี้ผมเล่าให้ฟังเองครับ

อธิบายเกี่ยวกับการ Search บน Facebook

ระบบการค้นหาของ Facebook ก็มีส่วนที่คล้ายคลึงกับ Google อยู่บ้างบางส่วน แต่จะไม่เหมือนกันทั้งหมด เพราะ Google เองจะสามารถทำ SEO เพื่อให้คีย์เวิร์ดต่างๆ ขึ้นมาติดหน้าแรก และเมื่อมีคนค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เราทำ ก็จะมีโอกาสเห็นเว็บไซต์ของเรามากขึ้น

สำหรับ Facebook เองก็เช่นกัน เวลาเราค้นหาอะไรเฟสบุ๊คก็จะแนะนำขึ้นมาให้ แต่มันจะมีความยากกว่าคือคุณต้องใส่คีย์ที่คนค้นหาสิ่งนั้นจริงๆ ถึงจะมีโอกาสเจอมากขึ้น

วิธีทำให้คนค้นหาเจอเพจเรามากขึ้น

  1. หากมีชื่อแบรนด์สินค้า ให้ตั้งชื่อแบรนด์ แล้วตามด้วยคำที่สามารถค้นหาได้ง่ายบน Google เช่น AA ครีมหน้าใส เพราะถ้าคำนี้หาง่ายบน Google แล้วโอกาสในการค้นหาบน Facebook ก็มีโอกาสเจอด้วยเช่นกัน
  2. วิธีเช็คคีย์เวิร์ดสามารถไปเช็คได้ที่ Google Adwords ค้นหาคำหลัก วิธีทำสามารถไปดูใน Youtube มีสอนครับ เครื่องมือตัวนี้ใช้ฟรี
  3. หากไม่มีชื่อแบรนด์ ให้ตั้งชื่อที่สามารถค้นหาบน Google ได้ง่ายๆ เช่น ครีมหน้าใส ครีมผิวขาว ครีมผิวเนียน By AA ตั้งให้ดูเป็นคีย์เวิร์ดแล้วปิดด้วยชื่อแบรนด์ก็ได้ครับ (ถ้าสินค้าใหม่ผมแนะนำนะครับ)

ทำยังไงให้คนเห็นเพจเราเพิ่มดี ? (สำหรับสายฟรี)

ส่วนวิธีว่าจะประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จัก Fanpage นั้นมี 2 วิธี วิธีแรกไม่ต้องเสียเงินในการประชาสัมพันธ์ แต่อาจจะยากสักหน่อย คือการไปสร้างตัวตนตามเว็บไซต์ เว็บบอร์ด หรือบล็อกต่างๆ ให้มีคนรู้จัก แล้วใส่ลิงค์ให้ส่งกลับมาที่เพจของเราได้เลย

ถ้าต้องการทางลัดก็ยิงแอดเฟสบุ๊คไปเลย มันช่วยคุณได้เยอะมาก แต่ถ้าให้ผมแนะนำมุมสายเทาก็ทำทั้งสองอย่างควบคู่คือ สร้างบล็อก สร้างเพจ ยิงแอด ทีนี้เพจเฟสบุ๊คของเราก็จะมีคนเห็นเยอะขึ้นง่ายๆ เลย

แนะนำทริคการโพสต์ขาย

การโพสต์ข้อความขายสินค้าบน facebook อยากให้จบเพียงแค่ 5 บรรทัด เพราะถ้าเกินมากกว่านั้นจะทำให้คนอื่นๆไม่สนใจอ่าน แต่จริงๆ แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวสินค้าด้วย โดยในข้อความควรประกอบไปด้วย 4 อย่างคือ ชื่อสินค้า , รหัสสินค้า, ราคาสินค้า และเบอร์ที่สามารถติดต่อกลับได้ ซึ่งราคามีความสำคัญเพราะจะเป็นตัวกรองลูกค้า ว่าเขามีความสนใจจะซื้อสินค้าหรือไม่ หากราคาอยู่ในระดับที่สามารถจะซื้อได้ ก็จะทำให้ลูกคนสนใจเข้ามาคุย และซื้อสินค้าในที่สุด ถ้าคุณอยากโพสต์ขาย ผมแนะนำไปอ่านคอนเทนต์นี้ครับ

5 เทคนิคการเขียนแคปชั่นให้ขายดี

สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเมื่อคุณเขียนแคปชั่น

นอกจากนี้การใส่รูปภาพสินค้าก็มีส่วนสำคัญอย่างมากกับการเลือกซื้อของลูกค้า โดยควรเป็นรูปภาพใหม่ที่ถ่ายเอง ไม่ไปคัดลอดจากที่ไหน ควรอยู่ในลักษณะแนวนอน 4:3 โดยช่วงเวลาที่เหมาะแก่การโพสต์ขายสินค้าคือช่วงกลางวันที่ลูกค้าสามารถโอนเงินซื้อสินค้าได้ง่ายๆ หากโพสต์ในช่วงดึก การตัดสินใจซื้อจะยากขึ้น และลูกค้าจะไม่ซื้อสินค้าในทันที

สรุป

แม้การเริ่มต้นขายสินค้าบน Facebook สำหรับคนทั่วไปอาจจะยากเพราะยังเป็นแบรนด์เล็ก แต่เราก็ต้องสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าของเราอีก โดยการสร้างภาพลักษณ์ให้เหมือนแบรนด์ใหญ่ การถ่ายรูปภาพ การแพ็คของส่ง การตอบคำถามลูกค้า และอื่นๆ ต้องดูน่าเชื่อถือ การขายสินค้าบน Facebook ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ ขอให้ทุกคนปังๆ นะครับ

แล้วอย่าลืมไปติดตามเพจ ยิงแอดสายเทา By เฮียบอย กันนะครับ

เทคนิคแก้บัญชีติดแดงถาวร By เฮียบอย

เทคนิคแก้บัญชีติดแดงถาวร By เฮียบอย

การที่บัญชีของคุณติดแดงถาวรไปแล้วก็หมายความว่าคุณอาจจะต้องทิ้งบัญชีนั้นไปเลย ซึ่งการที่คุณต้องทิ้งบัญชีผมว่าถ้าเลือกได้คุณคงไม่อยากทิ้งแน่นอน เพราะคุณอาจจะซื้อมันมาในราคาที่แพงหรือเป็นบัญชีสำคัญ หากทิ้งไปแล้วมันอาจเกิดผลกระทบได้ แต่ในบทความนี้ผมจะมาสอนวิธีแก้ไขให้ครับ

มาดูปัญหาติดแดงกันก่อน

บัญชีติดแดงถาวร เป็นปัญหาที่หลายๆคนเจอ เนื่องจากบัญชีโดนแบนมาแล้วและเรายื่นบัตรส่งไป การยื่นบัตรเพื่อยืนยันนั้นไม่ผ่าน ทำให้บัญชีติดแดงถาวร ไม่สามารถกลับมาแก้ไขได้อีก

วิธีแก้ไขที่ปกติเราจะใช้กันแบบเป็นเบสิคเลยคือ “ซื้อบัญชีใหม่เอามายิงแอดเฟสบุ๊คใหม่” มันก็เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีนะ แต่คุณคิดรึเปล่าว่าถ้าเกิดเราสามารถกู้มันกลับมาได้ มันจะประหยัดเงินจากการที่เราซื้อบัญชีมากแค่ไหน ???

กับอีกวิธีหนึ่งคือ พอโดนแบนปุ๊บเราก็วอร์มบัญชีใหม่ขึ้นมาเลย วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน แต่ถ้าคุณวอร์มด้วยมือตัวเองล่ะ ไม่มีโปรแกรมวอร์มใช้งาน สำหรับคุณจะพอใช้หรือไม่ วอร์มทันหรือเปล่า ??

วิธีที่ผมใช้เลยเอามาแชร์

เราสามารถแก้ไขได้ ด้วยการใช้บัญชี “273” ซึ่งเป็นบัญชีประเภทพิเศษ ที่อาจจะหายากกว่าปกติทั่วไป ลักษณะบัญชีประเภทนี้คึอ บัญชีที่ติดแดง แต่ยังสามารถเชื่อมบัญชีโฆษณาให้เฟสบุ๊คตัวอื่นได้ถึงแม้ว่าจะโดนแบนแล้ว

ใครที่อยากรู้ว่าตัวเองทำไมต้องเชื่อมเฟสบุ๊คให้เข้าถึงบัญชีโฆษณาไว้ ผมแนะนำให้ไปอ่านบทความนี้

เทคนิคเชื่อมบัญชีแบบอนุกรม

วิธีการแก้ไขก็คือ

1.แต่งตั้งเฟสที่เราต้องการจะแก้ไขให้เป็นแอดมินของบัญชีโฆษณาประเภท 273
2.มาที่หน้าตัวจัดการโฆษณาของบัญชีที่เราต้องการจะแก้ไข
3.เลือกบัญชีโฆษณานั้นและทำการยืนยันตัวตน ด้วยบัตรของเฟสที่มีปัญหา
หลังจากนั้นรอ 1-2 วันเราจะได้บัญชีคืนมาครับ

อ่านแล้วไม่เห็นภาพ ผมมีคลิปให้ดูครับ

สรุป

ปัญหาเรื่องบัญชีติดแดงเนี่ยมันเป็นเรื่องโลกแตกต่างมาก ผมว่าทุกคนคงเคยเจออยู่แล้ว ตัวผมเองเจอปัญหานี้แทบทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายเทาติดแดงกันกระจายแน่ๆ สำหรับบทความนี้ผมก็แนะนำการแก้บัญชีติดแดงถาวรไว้ให้แล้ว บทความหน้าจะเป็นอะไรนั้นมาดูกันนะครับ

เฮียบอย

4 กฏ หาสินค้าขายดีบน Facebook ใช้ได้กับทุกที่ถ้าคุณเข้าใจ

4 กฏ หาสินค้าขายดีบน Facebook ใช้ได้กับทุกที่ถ้าคุณเข้าใจ

การหาสินค้ามาขายไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นขายของหรือแม้กระทั่งคนที่มีประสบการณ์อย่างเชี่ยวชาญ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อยู่เหมือนกัน เพราะไหนจะต้องมาเทสแอด ไหนจะเจอปัญหาบางที่แม่งไม่ยอมให้ขายสินค้าประเภทนี้อีก โดยเฉพาะพวกครีมขาวเนี่ยคนที่ไม่เคยยุ่งสายเทาเลยจะรู้ว่าทำแอดยากยิ่งกว่าอะไร แต่สำหรับสายเทาอย่างเราๆ แล้วผมคิดว่าชิวๆ ครับ

เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับว่าจะทำยังไงถึงเราจะหาสินค้าขายดีหรือ Winner Product เป็นของตัวเองได้

กฎ 4 ข้อสำหรับการหาสินค้าขายดี

1. สินค้าต้องดีกว่า ใหม่กว่า สะดวกกว่า

2. ไม่มีในร้านทั่วไป

3. มีกำไรมากในการทำโฆษณา

4. มองเห็นช่องทางการเติบโตในอนาคต

ถ้าคุณคิดว่ามันยาก ผมอยากให้คุณหาสินค้าที่มีอย่างน้อย 3 ใน 4 ข้อได้ก็ยังดีครับ

วิธีคิด Content ให้ปัง

– เปลี่ยนตัวเองเป็นลูกค้า แล้วคิดว่า ทำไมเราต้องซื้อ?

-นำสิ่งที่เป็นปัญหาของลูกค้ามาเพื่อศึกษา และหาทางแก้ให้

-การเขียนต้องดี น่าอ่าน สรุป เข้าใจง่าย

-ลงคอนเท้นอย่างสม่ำเสมอ แก้ปัญหาให้ตรงจุด

ตัวอย่างเช่น แว่นจากจีน

หาข้อดีของสินค้านี้มาก่อน

1.เรื่องแสงสีฟ้า

2.เลนส์สีชา

3.น้ำหนักเบา ไม่หักงอง่าย

นำสินค้ามาเล่าเป็น ภาพ หรือ วีดีโอ สินค้าแบบฟังชั่นควรเป็นวีดีโอ เพราะจะทำให้รู้ข้อมูลครบถ้วนกว่า

สินค้าแฟชั่นควรทำเป็นภาพมากกว่า

– ต้องภาพ Real คือ ถ่ายจากมือถือ ไม่ต้อง หน้าชัด หลังเบลอ

– ทำให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

สินค้าที่เชื่อแล้วซื้อ เช่น มือถือ กล้องถ่ายรูป อาหารเสริม ที่พัก

– ต้องเล่าเป็น VDO หรือ Salepage

– ใน Salepage ต้องมีวิธีการเล่าเรื่อง

1.เอาปัญหามีอะไรบ้าง 5 ข้อ

2.ใส่ข้อมูลว่า สินค้าวิธีแก้ปัญหาได้

3.รีวิว (เยอะๆ)

4.มี อย ปลอดภัย

5.มีรางวัล มีความน่าเชื่อถือ

6.โปรโมชั่น ให้ทักมาซื้อ

วิธีการยิงแอดที่คุณควรรู้

– ยิง vdo ไปเลยเยอะๆ

– เอาคนดู vdo 95% มายิงซ้ำด้วย เนื้อหาอื่นๆ

1.รูป โปรโมชั่น แถมกล่อง

2.รูป โปรโมชั่น ลดกี่บาท กี่เปอร์เซนต์

ตัวอย่าง เบาะนอน

เมื่อก่อนเราจะทำคอนเทนต์ประมาณ

– ทำ vdo “สวัสดี วันนี้จะมา….” มันยืดยาวไป คนไม่สนใจ

ยุคนี้ควรจะเป็น

– เอาข้อดีมาไว้ต้นๆ คลิป

– วิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องต่าง

– รับประกันสินค้า 5 ปี

ยอดขายก็พุ่ง 5 เท่าได้ หลังจากเปลี่ยนเนื้อหา

สรุป

บางคนอาจจะคิดว่าเฮียบอยแม่งเขียนไรวะพื้นฐานจัด ผมเพียงอยากบอกว่าปัญหาพวกนี้ต่อให้คุณเก่งแค่ไหนคุณก็ต้องเจอแน่นอน และผมได้เก็บเรื่องราวจากนักเรียนของผมที่ส่วนใหญ่มาเรียนฉบับสายเทาจริง พอสุดท้ายแล้วพื้นฐานบางส่วนยังหลุดอย่างเช่นพวกคอนเทนต์ กลุ่มสินค้า ซึ่งบทความนี้ใครที่สนใจสายเทาก็อย่าลืมลองดูด้วยว่าที่ไม่ปังยังมีจุดไหนหลุดบ้าง และผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คนที่สนใจยิงโฆษณาหรือขายของบน Facebook สามารถเข้าใจและต่อยอดไปได้

บทความระดับ Advanced กว่านี้เดียวมีให้อ่านแน่นอนครับ ช่วงนี้ผมอาจจะยุ่งๆ นิดนึง กำลังไล่ตอบ Inbox ในเพจยิงแอดสายเทา By เฮียบอย และกำลังทดสอบอะไรนิดหน่อยไว้แจกให้นักเรียนอยู่

ไว้เดียวมาเจอกันบทความหน้าครับ

เฮียบอย

5 เทคนิคเขียนแคปชั่น เขียนยังไงให้ขายดี สายเทาสายขาวใช้ได้หมด

5 เทคนิคเขียนแคปชั่น เขียนยังไงให้ขายดี สายเทาสายขาวใช้ได้หมด

การที่คุณจะขายของหรือขายบางสิ่งบางอย่าง อันดับแรกหลายคนเทให้กับเรื่องรูปภาพเป็นอันดับหนึ่งเลย แต่มันยังมีอีกองค์ประกอบที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ “การเขียนแคปชั่น” ที่บทความนี้ผมจะมาแชร์ว่าเราจะเขียนยังไงให้ขายดิบขายยดีกันครับ

การเขียนแคปชั่นนั้นก็เป็นอีกเรื่องนึงที่มีผลอย่างมากเกี่ยวกับค่าโฆษณาและการหาลูกค้านะครับ วันนี้ผมมี 5 เทคนิคดีๆในการเขียนแคปชั่นมาฝากกัน

1. ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและสื่ออารมณ์

มีคนบอกว่าการซื้อของออนไลน์มันเป็นเรื่องของอารมณ์ นั่นอาจจะเป็นความจริงถึงแม้ยังไม่ทั้งหมด “อารมณ์” สามารถสื่อออกมาได้จากการเขียนด้วยนะ นั่นคือการที่เราใช้ภาษาที่เข้าถึงและเข้าใจง่าย อาจจะเป็นภาษาที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันหรืออาจจะเป็นคำอุทานหรือคำสบถอะไรบางอย่างที่ใส่เข้ามาในแคปชั่นการขายของเรา มันจะทำให้แคปชั่นของเรานั้นดูเฟรนด์ลี่ และไม่เป็นทางการจนเกินไป

2. 5W นั่นคือ What,Where,When.Why

ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร และ เมื่อไหร่ ในการเขียนแคปชั่นหัดตั้งคำถามเข้าไว้เช่น

– ทำยังไงดีถ้า……

– ถ้าพรุ่งนี้เกิด……

การทำแบบนี้จะส่งผลให้สมองของคนอ่านฉุกคิดอะไรบางอย่าง และสนใจในแคปชั่นของเราชั่วครู่ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว ว่าจะคิดเนื้อหาหลังจากนี้ได้น่าสนใจและจะพาลูกค้าเข้าไปในทิศทางไหน

3. เข้าไปในใจลูกค้า

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องเข้าไปในใจลูกค้าให้ได้ ว่าเค้าต้องการที่จะได้ยินอะไรและเราสามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรให้เค้าได้บ้าง เมื่อเราเข้าไปในใจของลูกค้าได้แล้ว เราจะรู้ว่า เราควรจะสื่อสารอะไร เพื่อแก้ปัญหาให้เค้านั่นเอง

4. วางโครงเรื่อง

ในการเขียนนั้นถ้าเป็นการเขียนเพื่อเล่าเรื่อง ทุกครั้งเราควรที่จะมีโครงเรื่องในใจก่อนว่า เราต้องการที่จะเล่าอะไร สื่อสารอะไร และควรไล่เป็นลำดับขั้นตอน ตั้งแต่

– หัวเรื่อง >> Hook ให้น่าสนใจ

– กลางเรื่อง >> เนื้อหาที่ชวนดึงดูด

– ท้ายเรื่อง >> สรุปว่าเค้าจะได้อะไร

และเราจะพาเค้าเคลิ้มไปตามเรื่องที่เราเล่าได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่คุณต้องไปทำการบ้านต่อนั่นเอง

5. แคปชั่นสั้นหรือยาว ดีกว่ากัน ??

กูรูหลายๆคนบอกว่า การเขียนแคปชั่นให้สั้นๆเข้าไว้ จริงหรือเปล่า???

คำตอบคือ : ไม่มีใครรู้ครับ

จนกว่าคุณจะได้ทดสอบมันด้วยตัวเอง เพราะแต่ละธุรกิจแต่ละสินค้า ก็ไม่เหมือนกัน เพราะมันไม่เหมือนกันจริงๆนะ บางธุรกิจ ใช้แคปชั่นสั้นๆ ฮุคคนได้รวดเร็ว ก็อาจจะดีกว่า แต่บางธุรกิจ ใช้แคปชั่นยาวๆ เล่าเรื่องให้ชวนคล้อยตาม ก็อาจจะดีกว่าเช่นกัน สุดท้ายแล้วคุณเองเท่านั้นที่รู้ เพราะคุณจะต้องทำการเทสมัน จะด้วย A/B Testing หรืออะไรก็ตามแต่ คุณต้องเทสเท่านั้น แล้วตัวเลขจะบอกคุณเอง ว่าอันไหนดีที่สุด

สรุป

การเขียนแคปชั่นที่ผมแนะนำไปหากใครเข้าใจดีก็สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งสายเทาและสายขาว มันมีประโยชน์มาก ยิ่งคุณฝึกเขียนฝึกใช้บ่อยเท่าไหร่ก็จะเป็นประโยชน์มากเท่านั้น ผมว่าการเขียนแคปชั่นเนี่ยเป็นอีกหนึ่งสกิลที่ควรมีติดตัวเลย และหวังว่าผู้อ่านทุกคนจะได้ผลลัพธ์ดีๆ จากการนำไปใช้นะครับ

เฮียบอย

สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งในการเขียนแคปชั่น !! เมื่อคุณโฆษณา Facebook

สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งในการเขียนแคปชั่น !! เมื่อคุณโฆษณา Facebook

การเขียนแคปชั่นหรือจะเรียกว่าการเขียนคอนเทนต์ก็ได้ ซึ่งเวลาเราโพสต์ลงเฟสบุ๊คเนี่ยเราก็ต้องเขียนอธิบายเพื่อสื่อสารกับผู้อ่าน ซึ่งในบทความนี้ผมจะมาแชร์ “สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งในการเขียนแคปชั่น” ให้ครับ

สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งในการเขียนแคปชั่น !! (ยาวไปเลือกอ่าน)

เกริ่นถึงแคปชั่นกันก่อน

หนึ่งในองค์ประกอบที่จะทำให้คุณมีลูกค้า และการโฆษณาของคุณประสบความสำเร็จ นั่นคือการเขียน “แคปชั่น”

ค้นพบว่าการเขียนแคปชั่นที่ดีนั้น จะช่วยให้ลูกค้าสนใจสินค้าของคุณได้เพิ่มมากขึ้นอีก 30% เลยทีเดียว ผมบอกเลยไม่ว่าคุณจะเป็นสายขาว สายเทา ยังไงคุณก็ต้องเขียนคอนเทนต์ให้ได้ เขียนให้เป็น เพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ อีกตัวเลย

สิ่งที่ห้ามทำเมื่อคุณเขียนแคปชั่น

และถ้าคุณอยากได้แคปชั่นที่ดี โปรดอย่าทำสิ่งนี้นะครับ

  1. การใส่ข้อความที่เป็นสแปม ประหลาดๆ เช่น นำคำอังกฤษผสมคำไทย ตัวอย่าง vาย , vาว , ฝๅก , ถoน
  2. การเขียนราคา ผมแนะนำว่าให้คุณพิมพ์เป็นตัวเลขตรงๆ เลยเช่น 100 บาท 200 บาท อย่าพยายามพิม lOO บาท S00 บาท เลยครับ เพราะเฟสบุ๊คก็ยังอ่านออกอยู่ดี แถมจะยิ่งแบนเราง่ายเพราะรู้ว่าเราตั้งใจเลี่ยงตั้งใจสแปมอีก

การเขียนลักษณะนี้ ผมไม่รู้ว่าเป็นความเชื่อผิดๆมาจากไหน ว่าเฟสบุ๊คเค้าจะตรวจไม่เจอและจับไม่ได้ว่าเราขายอะไร ซึ่งมันเป็นความเข้าใจที่ผิดมากๆครับ

เพราะว่าเฟสบุ๊คเค้ารู้ครับ และถ้ายิ่งเค้าตรวจจับเจอ (ซึ่งง่ายมาก) แอดของคุณจะพังและโดนตรวจสอบได้ไวมากๆทันที เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังทำอยู่ เลิกทำนะครับ

วิธีแก้ไข คือ ให้คุณหลีกเลี่ยงคำที่เฟสบุ๊คไม่ชอบ และไม่ควรอยู่ในโฆษณา และใช้คำอื่นๆแทนนะครับ ซึ่งคำที่หลีกเลี่ยงและควรหลีกเลี่ยงมีคำอะไรบ้าง ถ้าจะพูดเรื่องนี้เดี๋ยวโพสนี้จะยาวจนเกินไป

งั้นเอาไปว่า คำไหนที่คุณอ่านแล้ว รู้สึกว่ามัน โอเวอร์เกินไป , Hardsell เกินไป หรืออ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ครั้งแรก จงหลีกเลี่ยงดีกว่านะครับ ด้วยความหวังดีครับ

สรุป

อะไรที่มันดูแล้วเรารู้สึกสแปม รู้สึกไม่เป็นมิตรกับผู้อ่านคุณก็เลี่ยงไปได้เลย เอาง่ายๆ คุณเจอโฆษณาหรือโพสต์สักตัวคุณรู้สึกว่าชอบอ่านแบบไหนก็ลองศึกษาสไตล์การเขียนนั้นดู บทความถัดๆไปถ้ามีโอกาส ผมจะมาแปะคำที่ควรเลี่ยงไว้ให้นะครับ

เฮียบอย