เรื่องการจ่ายเงินค่าโฆษณา Facebook หลายคนอาจจะมีปัญหาหรือบางคนอาจจะไม่มีปัญหาเลย ผมว่ามีบางท่านที่ไม่มีบัตรเครดิตแต่อยากที่จะยิงแอดเลยส่งมาถามผมว่าสามารถทำได้หรือไม่ ? ผมตอบเลยครับว่าได้ แต่จะเป็นการเติมเงินเข้ากับระบบของ Facebook โดยตรง คล้ายกับเวลาคุณใช้โทรศัพท์ใส่ซิมแบบเติมเงินอารมณ์นั้นเลยครับ แต่ทั้งนี้ต่อให้คุณไม่มีบัตรเครดิตและคุณอยากจะสร้างบัตร คุณเองก็สามารถทำได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นจะต้องไปเปิดกับธนาคาร เพราะทุกวันนี้มีเจ้าให้บริการเกี่ยวกับ “Virtual Card” ที่เป็นบัตรเครดิตเสมือนเยอะแยะมากมาย คุณสามารถไปสมัครบนนั้นได้เลย

ในบทความนี้ผมจะพูดถึงเรื่องประเภทการจ่ายเงินโฆษณา Facebook ว่าแบบไหนดีที่สุด และถ้าไม่มีบัตรแต่อยากมีโดยที่ไม่ต้องไปเปิดที่ธนาคารจะทำได้จากที่ไหนบ้าง

การจ่ายเงินโฆษณา Facebook ทำได้กี่ประเภท ? ไม่มีบัตรก็สร้างใหม่ได้ (กดเลือกอ่านได้)

วิธีการจ่ายเงินโฆษณา Facebook มีวิธีไหนบ้าง

การจ่ายเงินค่าโฆษณาบน Facebook ก็มีให้คุณเลือกอยู่หลักๆ 2 วิธีด้วยเช่นกัน โดยจะมีดังนี้ ส่วนเรื่องข้อดีข้อเสียผมขออธิบายในหัวข้อถัดไปนะครับ

1. การจ่ายเงินค่าโฆษณาด้วยการเติมเงิน (Top – Up)

การจ่ายเงินโฆษณา Facebook อย่างที่บอกไปว่าทำได้หลายวิธี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีวิธีการเติมเงินเข้าบัญชีโฆษณาของเรา และยังสามารถจ่ายผ่านพวก Mobile Banking ได้อีก มีความสะดวกในระดับหนึ่ง วิธีนี้เหมาะมากกับคนที่ไม่มีบัตรเครดิตหรือบัตรเครดิตถูก Facebook แบนแล้วไม่สามารถผูกได้ หากต้องการยิงโฆษณาก็อาจจะต้องใช้วิธีเติมเงินเข้าไปไปแทน การชำระเงินนอกจากจะจ่ายด้วย Mobile Banking แล้ว ยังสามารถใช้การจ่ายแบบสแกน QR Code, True Money Wallet ได้อีกด้วย แล้วแต่ว่าคุณจะสะดวกแบบไหน

ประเภทการจ่ายเงิน Facebook

ขั้นตอนการจ่ายเงินที่สามารถเลือกวิธีการชำระเงินได้

2. การจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต

การจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตก็เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับคนที่ทำโฆษณา Facebook เพราะมีความสะดวกรวดเร็ว ทำโฆษณาได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมเงินในบัญชีของคุณสำหรับการทำโฆษณาได้อีกด้วย

เลือกการจ่ายเงินแบบไหนดีที่สุด

ผมว่าคุณจะต้องสงสัยอย่างแน่นอนว่าการจ่ายเงินโฆษณา Facebook ทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันยังไง เพราะสุดท้ายแล้วปลายทางก็คือการจ่ายเงินค่าโฆษณา Facebook อยู่ดี แต่จริงๆ หากมองให้ลึกลงไปมันยังมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควรด้วย เดียวมาดูกันว่ามันแตกต่างอย่างไร

1. การเติมเงินเข้าบัญชี Facebook

ผมว่าคนที่ทำโฆษณาจนเชี่ยวชาญแล้วแทบจะไม่แตะวิธีนี้เลย ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกไม่ต้องมาคอยนั่งเฝ้าว่าเราจ่ายเงินหรือยัง มันก็มีความสะดวกในมุมนั้นอยู่ แต่ถ้าเกิดมองให้ลึกลงไปอีกมันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของการโดนแบนโฆษณาแล้ว โดยที่เมื่อเราทำโฆษณาไปแล้วเผลอใส่คีย์เวิร์ดผิด ใส่รูปต้องห้าม หรือทำโฆษณาสายเทา คงหนีไม่พ้นเรื่องของการโดนแบน ซึ่งแบบนี้จะทำให้เราไม่สามารถทำอะไรกับบัญชีได้เลยหากโดนถาวร แม้กระทั่งเงินที่เติมเอาไว้ในระบบจะมีกี่ร้อยกี่พันก็ตาม เราจะไม่สามารถดึงกลับมาได้สักบาท นี่คือความเสี่ยงที่ทำให้หลายคนเลือกจะไม่เติมเงินโฆษณา Facebook

สำคัญอีกเรื่องสำหรับคนที่ซื้อบัญชีแบบปลดลิมิตวงเงินต่างๆ การเติมเงินมีความเสี่ยงที่จะทำให้ลิมิตวงเงินของคุณลดได้เหมือนกัน แนะนำว่าให้ผูกบัตรไปเลยดีกว่า

2. การผูกบัตรเครดิตหรือเดบิตเข้าบัญชีโฆษณา Facebook

การผูกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตก็ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับคนที่ทำโฆษณา Facebook เพราะสะดวกในเรื่องของการตัดวงเงินเวลาทำโฆษณา รวมถึงเมื่อเวลาบัญชีของเราโดนแบนเงินที่มีอยู่ก็ไม่หายด้วย เพียงแค่เราเข้าไปยกเลิกแล้วก็นำไปผูกกับบัญชีใหม่ก็ได้แล้ว แต่ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นคือเมื่อเราโดนแบนบ่อยๆ แล้วโดนบัตรใบนั้นบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นว่า Facebook จะไม่ยอมให้เราผูกบัตรนั้นอีกต่อไป เราจะต้องหาบัตรอื่นมาทดแทน ซึ่งบางคนอาจจะใช้บัตร Virtual Card ที่สามารถสมัครผ่านออนไลน์ได้มาใช้ก็ได้

ส่วนตัวในมุมมองของผมในด้านการจ่ายเงินค่าโฆษณา Facebook ผมให้ตัว “บัตรเครดิต” ดีที่สุด เพราะสามารถใช้งานได้หลากหลายบัญชี มีความสะดวกในการควบคุมวงเงินรวมถึงผมไม่ค่อยห่วงเรื่องการโดนแบนเท่าไหร่ เพราะถึงจะแบนอย่างไร Facebook ก็ไม่สามารถเข้ามาตัดเงินที่มีอยู่ของเราได้ ไม่เหมือนกับการเติมเงินที่ถูกแบนแล้วเงินที่เติมเอาไว้จะไม่สามารถดึงกลับมาคืนได้อีก

ถ้าคุณยังไม่มีบัตรเครดิตผมแนะนำว่าให้ไปลองใช้บริการกับเจ้าที่เปิดให้ทำบัตรเครดิตเสมือนดู มันสามารถทดแทนกันได้เหมือนกัน

อีกปัญหาที่ไม่ได้พูดถึงคือ เวลาคุณมีบัตรเครดิตแล้วโดนแบนบ่อยๆ เราก็จะไม่สามารถผูกกับ Facebook ได้อีก ต้องหาบัตรใหม่ๆ มาใช้แทน แม้จะใช้ Virtual Card มาแล้วแต่อาจจะถูกจำกัดเรื่องการสมัครได้ ปัจจุบันผมและนักเรียนของผมเลิกใช้วิธีเหล่านี้แล้ว เพราะมันไม่สะดวกสำหรับสายเทาหรือสายยิงแอดที่ปลิวบ่อยๆ เลย

เผื่อคุณสนใจ คุณลองเข้าไปดูคอร์สเทพบัตรยิงแอดของผมได้เลย

เจ้าที่ให้บริการด้านบัตรเครดิตเสมือน (Virtual Card)

การให้บริการเกี่ยวกับเรื่องบัตรเครดิตเสมือนในบ้านเราก็มีให้เลือกหลายเจ้า แล้วแต่ว่าเราจะสะดวกใช้งานเจ้าไหน ซึ่งเงื่อนไขและการใช้งานก็มีลักษณะคล้ายคลึงกันอย่างมาก แต่จะมีอะไรบ้างนั้นเดียวดูได้เลย

1. TrueMoney Wallet

บัตร TrueMoney Wallet สามารถใช้ได้กับทุกคน ใช้ได้ทั้งการชำระเงิน การซื้อของออนไลน์ ส่วนบัตรเสมือนจริงจะเรียกว่า “WeCard” ถูกจัดเป็นประเภท MasterCard เพียงแค่สมัครและเติมเงินเข้าไป และนำไปผูกกับ Facebook ก็ใช้บัตรไปยิงแอด Facebook ได้แล้ว

2. LINE BK

LINE BK นิยมอย่างมากสำหรับการทำโฆษณา Facebook มีความสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน โดยลักษณะการใช้งานก็เหมือนกับบัตรทั่วไปและยังออกบัตรเครดิตเสมือนได้อีกด้วย แถมยังมีระบบให้กู้เงินสำหรับคนที่ต้องการกู้ด้วย

3. ShopeePay TH

ผมว่าไม่มีใครไม่รู้จักกับ ShopeePay เพราะสามารถใช้บริการบนแพลตฟอร์ม Shopee ได้ในการซื้อของ และยังได้รับส่วนลดพิเศษต่างๆ มากมายสำหรับคนที่ใช้งาน ทั้งนี้บางคนอาจจะไม่รู้ว่า ShopeePay เองเค้าก็สามารถออกบัตรเครดิตเสมือนได้ด้วย โดยจัดเป็นประเภท MasterCard นั่นเอง

4. Dolfin Wallet

เป็นผู้ให้บริการแอพเกี่ยวกับด้านการเงินจากการร่วมมือกันของกลุ่ม Central และบริษัทเจดี จากประเทศจีน ลักษณะคล้ายกับการใช้งานทั่วๆ ไป และได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ เมื่อคุณซื้อสินค้าในกลุ่มของ Central ส่วนในด้านของบัตรเครดิตเสมือน Dolfin Wallet มีความแตกต่างจากเจ้าอื่นคือ ปกติเจ้าอื่นเราจะต้องเติมเงินเข้าไปถึงจะใช้งานได้ แต่บน Dolfin เค้ามีวงเงินให้ใช้ล่วงหน้าเลย เป็นการขอสินเชื่อจากธนาคารกสิกร ส่วนประเภทบัตรจะเป็นของ Union Pay

สรุป

การจ่ายเงินโฆษณาบน Facebook ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความยากของมันก็คือเมื่อเราโดนแบนแล้วไม่สามารถผูกบัตรใบนั้นได้อีกจะหาบัตรจากไหนมาไว้ใช้ยิงแอด ซึ่งผมบอกเลยว่าตอนที่ผมยังไม่รู้เรื่องมากเท่าไหร่ก็ปวดหัวไม่น้อย เพราะต้องวิ่งหาบัตร นั่งสมัคร นั่งสร้างบัตรเผื่อที่จะโดนแบน และเสียเวลาอย่างมาก ทั้งนี้ผมว่าคุณอาจจะต้องมีการวางแผนการใช้บัตรให้ดีสักนิด เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเวลาโดนแบนแล้วจะเอาบัตรจากไหนมาใช้อีก